วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไอ้สับปะรด(ต่อ)

สับปะรดได้เรียนหนังสือ และอาศัยอยู่ที่วัดจนกระทั่งเขาจบการศึกษาภาคบังคับซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 7
เขาไม่ได้เรียนต่อในโรงเรียนอีก แต่เขายังทำงานรับจ้างทำทุกอย่างแล้วแต่ใครจะจ้างเขา แต่งานประจำของเขาคือ รับอาสาไปซื้อของให้ในตลาด
แรก ๆ เขาใช้วิธีเดินบ้าง ขึ้นรถโดยสารประจำที่วิ่งในหมู่บ้านบ้าง แต่เมื่อเขาเก็บหอมรอบริมเงินได้บ้าง เขาก็นำเงินไปซื้อจักรยาน ตอนเช้าเขาจะขี่จักรยานคู่ชีพและสั่นกระดิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อเรียกให้คนได้ยินเสียงและเตรียมตัวออกมาเรียกใช้เขาตามความประสงค์ เมื่อเสร็จภาระกิจแล้ว เขาก็จะเข้าไปที่วัด และช่วยงานวัดต่อไป
สับประรดได้เรียนต่อภาคการศึกษาผู้ใหญ่ จนจบการศึกษาได้ระดับหนึ่งเขาก็ยังมีอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไป จนกระทั่ง.......
ที่ศาลากลางจังหวัด ได้ประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งนักการภารโรง
มีคนที่ทำงานในศาลากลางเห็นว่า สับปะรดเป็นคนขยัน เขาจึงสนับสนุนให้สับปะรดได้ทำงานตามต้องการ เขาได้ทำงานได้ค่าแรงในอัตราลุกจ้าง
ชั่วคราว เขาทำงานไป และเข้าห้องเรียนในวันหยุด และก็ยังรับจ้างงานเดิมเมื่อเขาว่างในวันหยุด กลางวันทำงาน กลางคืนเขาก็ท่องอ่านหนังสือ
จนเขาจบการศึกษาผู้ใหญ่ได้อีกระดับหนึ่ง
หลังจากจบการศึกษาเขาก็เปลี่ยนงานด้วยเห็นว่า งานใหม่น่าจะยั่งยืนมั่นคงกว่างานเดิม เขาไม่ได้เป็นนักการภารโรงแล้ว แต่เขาทำงานในหน่วยงานที่รับส่งเอกสาร และเป็นหน่วยงานราชการ  เขาทำงานด้วยความขยันขันแข็ง และไม่ทิ้งการเรียน เขาเรียนระดับมหาวิทยาลัยวุฒิปริญญาตรี เขาได้เลื่อนระดับการทำงานสูงขึ้นเมื่อเขาเข้าสอบเป็นการภายในปรับวุฒิการศึกษาสูงขึ้นด้วยปริญญาตรี สาขาด้านกฏหมาย และเขาก็ยังศึกษาต่อ.......

“ฉันชอบการดำเนินชีวิตของคุณนะ สับปะรด ฉันจะขอจดจำเรื่องราวของคุณไว้สอนลูกหลานในเรื่องความขยันอดทน ใฝ่ดี พยายามหาความรู้ใส่ตัวของคุณ”  ฉันบอกกับสับปะรด ในวันที่ฉันและเพื่อนเลี้ยงส่งเขา ด้วยเขาจะลาออกหน่วยงานที่ฉันและเขาทำงานอยู่
“ยินดีครับ ถ้าเรื่องราวของผมน่าสนใจ ผมก็ภูมิใจนะ หากจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครบางคนได้คิดถึง  เราคงได้พบกันอีกนะครับ แต่ระยะแรก ๆ เขาให้ผมเข้าอบรม ประมาณ 3 เดือน  ผมอาจไม่สะดวกในการพบกันนะครับ  หลังจากนั้นเราคงพบกันได้ในวันหยุด  ขอบคุณทุกคนสำหรับงานเลี้ยงในวันนี้ ประทับใจครับ..”  สับปะรดกล่าวอำลา
หลังจากนั้นฉันไม่ได้พบกับเขาอีกเลย เวลาผ่านไปนาน จนหลายคนลืมว่าเคยมีเขาทำงานด้วย

แล้ววันหนึ่ง ก็มาถึง “ บ่ายวันนี้ มีคนมาขอพบ ผอ. ค่ะ  พวกพี่ ๆ รู้ไหมว่าใคร” เสียงเลขาหน้าห้อง ผอ. บอกเล่า  “จะเป็นใครหนอต้องคอยดู หนูก็ใจจรดจ่ออยากเห็นเขาจังเลย”  เธอทิ้งท้ายให้พวกฉันตื่นเต้น  ต้องเป็นใครสักคนที่พวกฉันต้องรู้จักแน่นอน
บ่ายวันนั้นก็มาถึง ชายร่างงามสูงสง่า เดินตามหลังเลขา ผอ. ตามด้วยหญิงสาวสวยอยู่ห่างพอสมควรถือแฟ้มเอกสารเดินตาม และผ่านมาทางฉันและเพื่อน และโปรยยิ้มตลอด “ นั่น....ไอ้ ..คุณสับปะรดนี่นา”  ฉันกระซิบบอกเพื่อนและมองตากัน.....
สับปะรดและเลขาเขากลับไปแล้วแต่เขายังทำให้ฉันและเพื่อน ๆ ตะลึง ในความเปลี่ยนแปลงของเขา เขางามสง่ามาก ๆ บุคลิกหน้าตาเสื้อผ้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากที่แต่งตัวง่าย ๆ ตามสบายเวลาทำงาน จนบางครั้งหัวหน้าเขาต้องเรียกไปตักเตือน กิริยาง่าย ๆ เวลานั่ง ยืนเดิน หรือแม้แต่เวลาที่เขากินอาหารในงานเลี้ยง สวนเสเฮฮากับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน วาจาที่เป็นแบบคนที่ใช้ชีวิตที่ต้องขับเคี่ยวอย่างเอาตัวรอด กับชีวิตเด็กวัด ตามที่เขาเคยเล่าว่า เขาต้องทำตัวแบบ "เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม และต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคม"

คงไม่มีอีกแล้ว ที่ใครๆ จะเรียกเขาว่า "ไอ้สับปะรด" ........”ท่านบอก ท่านติดธุระ ช่วงบ่าย 3 แต่นัดกับ ผอ.ไว้แล้วว่าจะมาเยี่ยมท่าน เลยต้องมาก่อนและก็คุยกันได้นิดหน่อย ต้องรีบไปตามนัดต่อ ท่านบอกว่า จะประจำอยู่ที่ กรุงเทพ สักระยะหนึ่ง แล้วจากนั้นคงไปรับราชการที่ บ้านเกิด ของท่านหรืออาจต้องเดินสายไปที่อื่น ๆ อีก...คราวหน้ามาอีก คงได้คุยกันนานกว่านี้ “  เลขาหน้าห้อง ผอ. เข้ามารายงาน

ณ สถานที่จัดงานแต่งงานแห่งหนึ่ง เมื่อได้เวลาอันสมควร พิธีกรก็ขึ้นเวที "สวัสดีครับผู้มีเกียรติทุกท่าน... ผมขอเรียนเชิญท่าน ปราณบุรี ขึ้นมาเป็นเกียรติมอบมาลัยให้คู่บ่าวสาวและกล่าวคำอวยพรด้วยครับ..." เสียงเพลงบรรเลง
ทุกคนยืนขึ้นและหันหน้าไปทางเวที ชายร่างสูงงามสง่า แต่งกายด้วยสูทหรูเรียบ สีเทาอ่อน กำลังเดินขึ้นเวที นั่น ไอ้...คุณสับปะรดนี่นา  ฉันและเพื่อนหันมาสบตากัน..
หลังจากสวมมาลัยให้คู่บ่าวสาวแล้ว....
"สวัสดีครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับที่ได้รับเชิญ ให้ขึ้นมากล่าวคำอวยพร
คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะครับ ผมและเจ้าบ่าวเป็นคนบ้านเดียวกัน ผมยอมรับว่าเจ้าบ่าวเป็นคนดี ขอให้ทั้งสองครองรักกันยั่งยืนตลอดไป "
เสียเพลงบรรเลงขึ้นอีก พร้อมกับเสียงแขกที่มาร่วมงานกล่าว "ไชโย ๆ ๆ " ดังขึ้นพร้อมกัน

ฉัรู้สึกประทับใจ สับปะรดมาก เขาขยัน อดทน พากเพียรพยายาม จนประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงานอันสูงส่ง ยากที่ผู้ใดจะทำได้ดีอย่างเขา
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการปลูกสับปะรดมาก

ท่าน"ปราณบุรี" บุคคลตัวอย่างของฉัน

..........................................................................................