วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

นรินทร์

นรินทร์ ชายหนุ่มรูปงามวัยรุ่น เป็นลูกชายแป๊ะทง ที่ขายก๋วยเตี๋ยวหมูอยู่ปากซอยทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง....
ก๋วยเตี๋ยวร้านแป๊ะทง อร่อยมาก ฉันคนหนึ่งล่ะ ที่เป็นลูกค้าประจำ มีโอกาสทีไรจะไปกินทุกที  นึกอยากจะกินก๋วยเตี๋ยวก็จะนึกถึงร้านแป๊ะทง แม้ฝนจะตกแรง ๆ ก็เคยเดินกางร่มไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านแป๊ะทง


ขณะนั้นฉันอายุ 12 ปี ฉันเห็นนรินทร์ทุกครั้งเมื่อไปร้านแป๊ะทง และได้ยินแป๊ะทงเรียกเขาว่า "นรินทร์" เขาโตกว่าฉันประมาณ 8 ปี แต่บุคลิกเขาก็ยังดูเด็ก เขาช่วยแป๊ะทงขายก๋วยเตี๋ยวโดยนรินทร์จะเป็นคนส่งให้ลูกค้าที่นั่งคอย จะซื้อกลับบ้านหรือกินที่ร้าน ก็แล้วแต่...

เวลาที่ฉันเข้าร้านและนั่งคอย เพราะส่วนใหญ่แป๊ะทง จะมีลูกค้ารอคอยอยู่แล้ว นรินทร์ ก็จะบอกฉันว่า "หนู...ต้อย คอยก่อนนะ แป๊บเดียวนะ" พอลูกค้าเริ่มซา สักพักนรินทร์ก็จะถามว่าจะกินอะไร.... แล้วก็ส่งก๋วยเตี๋ยวและน้ำดื่มตามที่ฉันสั่ง
ความอร่อยของเกี๋ยวเตี๋ยวแป๊ะทง ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง แป๊ะทงมีความเมตตาให้ฉันพอสมควร สังเกตจากรอยยิ้มและปริมาณของก๋วยเตี๋ยวที่แกให้ฉันแต่ละครั้ง กินแล้วอิ่มมาก ๆ

ฉันเป็นลูกค้าร้านแป๊ะทงหลายปี แต่ระยะหลังเวลาตารางการเรียนของฉันไม่สะดวกที่จะไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านแป๊ะทงได้บ่อย ๆ
ฉันจึงได้ห่างร้านแป๊ะทงไปบ้าง นาน ๆ มีโอกาสวันหยุดก็แวะไปที นานแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้ไป....
และวันนี้ก็เป็นวันหยุด ฉันตั้งใจจะไปเพราะคิดถึงแป๊ะทงและก๋วยเตี๋ยวของแก

เดินเข้าไปในร้าน.....ฉันไม่พบแป๊ะทง พบเพียงนรินทร์ จากคนส่งก๋วยเตี๋ยวเป็นคนปรุงก๋วยเตี๋ยว เขาเป็นหนุ่มใหญ่ขึ้นรูปร่างและบุคลิกเปลี่ยนไป เป็นผู้ใหญ่มากและดูสุขุมขึ้น
เมื่อนรินทร์เห็นลูกค้า เข้าร้าน เขาถามว่า " น้อง รับอะไรดีครับ" เขาคงจำฉันไม่ได้ วันนี้เขาเรียกฉันว่า "น้อง"
สั่งก๋วยเตี๋ยวแล้ว..ในขณะที่รอ ฉันมองไปรอบ ๆ ร้านเผื่อจะเห็นแป๊ะทงบ้าง

และฉันก็ได้เห็นแป๊ะทง แต่ไม่ใช่เป็นตัวตนของแป๊ะทง....แต่กลับเป็นรูปแป๊ะทง ที่วางอยู่บนหิ้งและมีธูปปักอยู่ในกระถางธูป
มีผลไม้และน้ำตื่มวางไว้หน้ารูปบนหิ้ง
นี่แป๊ะทงเสียชีวิตแล้วหรือ นานเท่าไรแล้ว ฉันห่างร้านนี้ไปนานมากจนไม่รู้ว่าแป๊ะทงเสียชีวิตแล้ว ....
มองเห็นรูปแล้วใจหาย.... คิดถึงสายตาหน้าตาที่เอิบอิ่มของแกได้ดี ยิ่งมองรูปแกก็เหมือนยังเห็นว่าแกยังมีเมตตาต่อฉันเหมือนเดิม

ฉันห่างร้านนี้ไปอีก วิถีชีวิตฉันเปลี่ยนไป มีภาระที่ต้องไปที่ต่าง ๆ ไม่มีเวลามาแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านแป๊ะทงเลย
แต่ทุกครั้งที่เดินผ่านร้าน ฉันจะมองเข้าไปในร้านเสมอ การจัดร้านเปลี่ยนไป ตู้ที่ใส่ก๋วยเตี่ยวเปลี่ยนไป

หลังจากผ่านไปหลายวัน ....ฉันมีโอกาสเข้าร้านแป๊ะทงอีก ก้าวแรกที่เดินเข้าร้านฉันมองไปรอบ ๆ ร้านเปลี่ยนไปมาก
ดูทันสมัยขึ้น โต๊ะ เก้าอี้เป็นของใหม่เกือบทั้งหมด มีการแต่งผนังโดยรูปภาพ สีผนังก็ทาใหม่ด้วย สดใสขึ้นดูสว่างไสว
รูปแป๊ะทงก็ยังอยู่บนหิ้งเหมือนเดิม  .......แต่ฉันมองว่า การจัดร้านอย่างเดิมดูอบอุ่นกว่า
ฉันเห็นนรินทร์กำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าเตา และก็เห็นหญิงสาวยืนคอยรับชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อมาส่งยังโต๊ะลูกค้า
และก็เห็นเด็กชายเล็ก ๆ เดินเตาะแตะ อยู่ใกล้ ๆ
ฉันได้ยินนรินทร์พูดกับเด็กเล็ก ว่า "ไปเล่นข้างใน ลูก อย่ามาเกะกะ ลูก"
นรินทร์มีภรรยาและลูกแล้ว หน้าตาสวยและลูกก็น่ารักมาก

นรินทร์หันมาเห็นฉัน เขาสั่งภรรยาเขา "ไปถามพี่เขาซิว่ารับอะไร" พอเขาได้สบตาฉันเขาจึงตะโกนถามว่า "พี่รับอะไรดีครับ"
เขาก็ยังจำฉันไม่ได้ และเรียกฉันว่า "พี่"

ก๋วยเตี๋ยวเขาก็อร่อยดี แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูสูตรไม่เหมือนของแป๊ะทง
โอกาสที่ฉันจะไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านแป๊ะทง ก็ห่าง ๆ ไป เพราะฉันชอบสูตรของแป๊ะทงมากกว่า

ความเปลี่ยนแปลงของ กรุงเทพมหานครมีอย่างไม่หยุดยั้ง คนที่ไปอยู่ต่างจังหวัดนาน ๆ หรือไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ท้องถิ่นบ้านเกิดของตน ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณไม่พ้น กรุงเทพฯ ก็ตามเถิด  เมื่อกลับมายังถิ่นเดิม ก็จะพบความเปลี่ยนแปลงแบบแทบจะไม่เห็นของเก่าเลย ถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่องมีความเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง

ขอบอกว่านานมาก ๆ ที่ฉันไม่ได้ไปถนนที่มีร้านแป๊ะทงเลย จากการเข้าร้านครั้งสุดท้ายกับเวลานี้ห่างกันเป็น 10 ปี
เวลาผ่านไป ชีวิตใครก็เปลี่ยนแปรผัน ตามครรลองของแต่ละคน
แต่ฉันก็มีโอกาสไปที่ร้านแป๊ะทงอีก เวลาไปร้านนี้ คิดถึงตอนที่ฉันเป็นเด็ก จะกินก๋วยเตี๋ยวทีไรก็จะกินร้านนี้ ต่อให้ใครมาบอก
ว่า ร้านอื่นก็มี ฉันก็ไม่ยอมจะกินร้านนี้ร้านเดียว......

ฉันเดินเข้าไปในร้านแป๊ะทง สิ่งแรกที่ฉันมองคือหิ้ง ที่มีรูปถ่ายแป๊ะทง ยังเหมือนเดิม รูปแป๊ะทงยังมีเครื่องเซ่นบูชาเหมือนเดิมนรินทร์ดูแก่ไปมากอ้วนลงพุง ดูละม้ายคล้ายแป๊ะทงมาก....ยังยืนปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าเตา แต่หญิงผู้เป็นภรรยาไม่ได้ยืนคอยส่งก่วยเตี๋ยว แต่กลับไปนั่งโต๊ะมีลิ้นชักคอยเก็บเงิน
สาวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ นรินทร์ คอยรับชามก๋วยเตี๋ยวจากนรินทร์ส่งให้ลูกค้า คิดว่าคงเป็นลูกสาวของนรินทร์

นรินทร์เหลือบสายตาเห็นฉัน "รับอะไรดีครับ ป้า" ...เขาไม่เคยจำฉันได้เลย
ฉันกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเรียบร้อย ลูกค้าคนอื่น ๆ กลับไปหมดแล้ว.... ขณะรอเงินทอน
สักครู่นรินทร์เดินนำเงินมาทอนให้ฉัน " พอกินได้ไหมครับป้า มีอะไรแนะนำได้นะครับ ขายมานานครับตั้งแต่สมัยเตี่ยยังอยู่ แต่เดี๋ยวนี้เตี่ยตายแล้ว  ฝีมือผมไม่ดีเหมือนเตี่ย ...นี่เป็นสูตรใหม่ของผม โอกาสหน้าเชิญอีกนะครับ"
ฉันยิ้ม..... "ก็อร่อยดีนี่ สมัยเตี่ยขาย....ฉันคงไม่เคยกิน....."

ฉันออกจากร้านแป๊ะทงแล้ว นั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทางเห็นตึก ถนน สิ่งก่อสร้างมากมายที่เพิ่งเกิดใหม่ ๆ  คิดคำนึงถึงแป๊ะทง นรินทร์ ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนไปหมด มีแต่ฉันที่ยังคงเป็นฉันกับความทรงจำยามเยาว์
จากที่เป็นเด็กกาลเวลาค่อย ๆ ผ่าน.... นรินทร์เรียกฉันว่า "หนู"  "น้อง"  "พี่"  "ป้า"
ถ้าฉันยังมีโอกาสไปชิมก๋วยเตี๋ยวร้านแป๊ะทงอีก  นรินทร์ คงเรียกฉันว่า "ยาย"  แน่ๆ เลย

ไม่อาววววว  ไม่ไปดีก่า ไม่ไปดีก่า ฮ่า ๆๆๆ


.........

ลูกไก่- กระต่าย- เป็ดย่าง (ต่อ)

เช้าวันนั้น ฉันปล่อยลูกไก่ออกจากกรง ให้อาหาร และปล่อยให้มันเดินอยู่บริเวหญ้าที่มีน้ำค้างเกาะอยู่ นั่งดูมันกินอาหารสักพัก
ฉันเห็นว่า ยังมีแสงแดดอ่อนอยู่ จึงอยากจะให้เจ้าลูกไก่ได้อยู่นอกกรงอีกสักพัก ฉันมองไปรอบ ๆ บ้านลุงบุญและสายตาฉันก็เห็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่วางอยู่บริวเวณนอกบ้านกลางแจ้งและวางอยู่ตรงที่มีหญ้าพอดี ลุงบุญอาจยังไม่ใช้ประโยชน์ ฉันเห็นว่ามันเป็นวงกว้างพอที่จะเป็นที่ขังเจ้าลูกไก่เพราะ  มันออกไปไหนไม่ได้ ฉันไม่ต้องคอยดูมันว่ามันจะเดินหายไปไหน
จากนั้นฉันจึงจับเจ้าลูกไก่ทั้งหมดใส่ไว้ในท่อว่างทันที

ฉันเดินไปทำโน่นทำนี่จนเพลิน ลืมเวลาว่าฉันทิ้งลูกไก่ไว้นานเท่าใด
ครั้นพอนึกได้ ตกใจมากรีบไปยังที่ทิ้งลูกไก่ไว้......อนิจจา ลูกไก่ของลุงบุญที่ฝากฉันดูแล มันตายกันหมดทั้ง 30 ตัว !!!!
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย......ฮื่อๆๆๆๆ ฉันร้องไห้ น้ำตาเป็นสายเต็มแก้มขณะที่ก้มลงจับเจ้าตัวลูกไก่ขึ้นมาพิจารณาที่ละตัว ๆๆๆ
เห็นมันมีบาดแผลทุกตัวเหมือนโดนอะไรมากัด และมันก็ตายโดยไม่ได้หายไปไหน มันคงหนีไม่ได้เพราะมันอยู่ในบริเวณ
แคบ ๆ ที่ฉันขังมันไว้  ใครมาทำร้ายมันหรือ.... แต่ทำไมมันยังมีซากอยู่ครบทุกตัว  ฮื่อ ๆๆ ๆๆ นี่ฉันจะบอกลุงบุญอย่างไร

ลุงบุญยังไม่กลับ ช่วงเวลาที่ฉันไม่สบายใจทำไมมันนานจัง สงสารเจ้าลูกไก่ตัวน้อย ๆ กลัวความผิดที่บกพร่อง ถ้าลุงบุญรู้เรื่อง
ลุงจะว่าอย่างไร.......

แต่ฉันก็ต้องตัดหญ้าให้กระต่ายกิน ฉันนำเจ้า เฟื่องฟ้า ออกจากกรง และก็ติดอยู่ว่าต้องระวัง ดูแลมันให้ดีไม่ให้เกิดอันตรายแก่มัน  นั่งดูเจ้า เฟื่องฟ้า ใจก็คิดระแวงว่า ลุงบุญเมื่อไรจะกลับสักที ......พอเห็นว่าค่ำแล้ว ฉันก็จับ เจ้าเฟื่องฟ้า เข้ากรง

สักครู่ใหญ่.....ขณะที่ฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้นั่งเล่นหน้าบ้าน   
กลับมาแล้วจ้า.....เสียงลุงบุญมาก่อนเห็นตัวเสียอีก.........
ลุงและพ่อเดินเข้าประตูรั้วมาพร้อมกัน
ฉันหันหน้าหลบลุงบุญ ...
"พ่อซื้อเป็ดย่างมาด้วย "  พ่อพูด และฉันก็รับถุงเป็ดย่างมาจากพ่อ วางไว้บนเก้าอี้นั่งข้างตัว
เป็นไง ลูกไก่ลุงกวนไหม ต้อย "  ลุงบุญูพูดแกมหยอก
ฉันเงียบไม่พูด ลุงเริ่มเห็นสีหน้าฉัน
"ไก่ ตายหมดเลยค่ะ  ฮือๆๆๆ " ฉันตอบ มันถูกตัวอะไรไม่รู้มากัด  ตายหมดเลย
"ฮะ อะไรนะ ไก่ตายหมด ตายได้ไง "  เสียงลุงบุญอุทานด้วยความตกใจ
"เป็นไง ไหนลองบอกซิ "  เสียงพ่อและลุงถามพร้อมกัน คงเป็นเพราะพ่อและลุงเห็นฉันร้องไห้ ทั้งสองจึงฟังฉันเล่าอย่าง
สงบ พยักหน้ารับบางที พูดจบฉันจึงพาพ่อและลุงไปดูที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีซากไก่เพราะฉันนำไปทิ้งหมดแล้ว
"เอาล่ะ ไม่ต้องเสียใจ คงเป็นเรื่องที่ไก่มันหมดกรรม" ฮ่า ๆๆ ลุงพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเบา ๆ
แต่พ่อไม่พูดอะไรเลย ฉันสังเกตเห็น่ว่าพ่อมีทีท่าตำหนิฉันแต่พ่อยังไม่พูด

เราสามคนเดินกลับจะเข้าประตูบ้าน พ่อพูดว่า "กินข้าวกันดีกว่า วันนี้พ่อซื้อเป็ดเจ้าเดิมนะ เอาเป็ดใส่จานเลย"
ฉันนึกขึ้นได้ มองไปทางเก้าอี้นั่งเล่นที่ฉันวางถุงเป็ดไว้........
ไม่มีถุงเป็ด อ้าวววววว เป็ดย่างหายไปไหน ฉันเดินดูรอบ ๆ ไปมา ก็ไม่เห็น หาเท่าไรก็ไม่เจอ แปลกใจจัง เป็ดหายไปได้อย่างไร
เสียงพ่อ " เป็ดไปไหนล่ะ เจอยังวางไว้ไหน"
เงียบ เงียบและเงียบ  อะไรกันเนี่ย เป็ดย่างหายไป

พ่อหน้าเคร่งเครียด มีอาการโกรธ หันมามองทางฉัน ด้วยสายตาดุ ๆ  แต่ลุงบุญยิ้ม ฉันหาถุงเป็ดไม่พบ
"วันนี้ ต้อยโชคไม่ดีเลย ไก่ก็ตาย เป็ดก็หาย "  ลุงบุญยังมีอารมณ์ขัน
" เอาล่ะ ไม่ต้องกง ไม่ต้องกินอะไรแล้ว ทำไมเป็นอย่างนี้ " พ่อพูดสะบัด ๆ ก่อนจะเดินไปห้องอื่น

ฉันไม่รู้ว่าพ่อและลุงหิวหรือเปล่า คิดว่าคงไม่หิว เพราะทั้งสองเข้าห้องนอนของตัวเอง และก็เงียบ
ส่วนฉันไม่หิวเลย และไม่อยากกินอะไรทั้งสิ้น...........

คืนนั้นฉันนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ตื่นทีไรก็คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา...กังวล สับสน อยากร้องไห้

รุ่งขึ้นฉันตื่นแต่เช้า สักพักใหญ่ ก็คิดถึงเจ้าเฟื่องฟ้า คิดว่ามันคงจะหิวแล้ว
ฉันเดินไปที่กรง เจ้าเฟื่องฟ้า
ทำไมประตูกรงกระต่ายน้อยของฉันเปิด!!!!!
กระต่ายน้อย เจ้าเฟื่องฟ้าของฉันหายไปไหนุ
ฉันมองรอบตัว แล้วยืนนิ่ง... สักครู่ ก็เดินหาไปตามทางจนถึงประตูรั้วบ้าน
และแล้ว ฉันก็เห็นซากกระต่ายของฉัน มีแต่หัวหู และลำตัวครึ่งเดียว มันโดนกัดกินหมดไปครึ่งตัว
ฮื่อๆๆ  ๆๆ  ๆๆ  ๆๆ เสียงร้องของตัวเองปลุกทุกคนในบ้านให้ตื่น ฮื่อๆๆ ๆๆ ๆๆ

ลุงบุญผู้ใจดีบอกว่า ไก่ที่ตายเพราะฉันเจตนาดีจะให้มันถูกแสงแดดนานหน่อยเพื่อให้มันแข็งแรง
ส่วนเจ้าเฟื่องฟ้า ฉันอาจใจคอไม่ค่อยดียังว้าวุ่นกับไก่ที่ตาย ไม่มีสมาธิ ขณะที่จับเจ้าเฟื่องฟ้าเข้ากรง อาจลืมปิดประตูกรงให้เรียบร้อย
และเป็ดย่างที่หายเป็นเพราะฉันวางใจว่าวางไว้ใกล้ตัว เพราะเห็นว่าอยู่ในบ้านแล้ว ลุงคิดว่าอาจมีแมวเข้ามาคาบไปขณะที่เดินไปชี้ที่เกิดเหตุตอนเล่าเรื่องไก่ให้ลุงฟัง

ผ่านไปแล้วหลายวัน..... ฉันใจดีขึ้น แต่ยังมีความคิด "ทำไมต้องเกิดเหตุ ใกล้ ๆ กัน ด้วย
พ่อและลุงบุญ บอกว่า มีแมวดำตัวหนึ่ง  ไม่มีเจ้าของ รูปร่างปราดเปรียวมาก กระโดดสูง ขึ้นหลังคาบ้าน
...มาให้เห็นหลังจากเรื่องลูกไก่ กระต่าย และเป็ดย่าง  .....ลุงบุญคิดว่า มันมีนิสัยเกเร และอาจหิวโซในบางเวลา
มันเห็นว่าทีบ้านนี้มีเหยื่อให้มันทำร้าย มีอาหารให้มันกินยามหิวโซ มันจึงมาด้อม ๆ มอง ๆ บ่อย ๆ


อยากบอกว่าเสียใจกับลูกไก่ เจ้าเฟื่องฟ้า และเป็ดย่าง(ของพ่อ)

อนิจจา ลูกไก่-กระต่าย-เป็ดย่าง

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

ลูกไก่- กระต่าย- เป็ดย่าง

ท่านผู้อ่านเคยประสบเหตุการณ์ที่ล้วนแต่ความโชคไม่ดี พร้อมกันถึง 3 เรื่องภายในวันเดียวกันบ้างไหมเคยหรือไม่ ลองอ่านเรื่องนี้ได้เลย....

ลุงบุญเป็นญาติของฉัน  ลุงมาทำงานที่ กรุงเทพ ฯ จึงมาอาศัยพักกับพ่อ อยู่หลายปี ลุงมาปลูกบ้านเล็ก ๆ ในรั้วบ้านพ่อ ลุงชอบเลี้ยงไก่ ในขณะที่มันเป็นลูกไก่เล็ก ๆ ลุงบุญมักจะฝากให้ฉันดูแลบ้าง ตอนเช้าลุงจะเอาไปปล่อยให้กินน้ำค้าง พอแดดอ่อน ๆ ผ่านไปสักพัก เจ้าลูกไก่ทั้งหมดก็จะถูกให้อยู่ในกรง  พอมันโตพอจะช่วยตัวเองได้บ้าง ก็จะปล่อยให้มันอยู่นอกกรงทุกวัน ช่วงเวลาเย็น ๆ จึงต้อนให้มันไปอยู่ในกรง  ลุงบุญเก็บไข่ไก่มาให้ฉันบ่อย ๆ  แต่หากมีคนมาขอซื้อ ลุงบุญก็จะขายเจ้าไก่เหล่านั้นไป แกทำเช่นนี้กับไก่ที่แกเลี้ยงมาหลายรุ่นแล้ว...

กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉันชอบ และฉันเคยได้รับของขวัญวันเกิดเป็นกระต่ายสีขาวมีลาย สีเทาอ่อนนิด ๆ และบริเวณหูของมันจะมีสีเทาเข้มแต้มอยู่บ้างเล็กน้อยสวยงามมาก ฉันตั้งชื่อให้สมกับที่มันเป็นสาวน้อยว่า "เฟื่องฟ้า" ฉันเลี้ยงมันด้วยผักบุ้งและหญ้าขน  ทุกวันเมื่อเวลาเลิกงานฉันรีบกลับบ้านแวะไปตัดหญ้าและเก็บผักบุ้งมาเป็นอาหารสำหรับกระต่ายตัวน้อยนี้ทุกวัน......ตอนเย็นฉันจะปล่อยมันออกจากกรงบ้าง แต่ก็คอยดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้มันกระโดดหายไป .....


พ่อของฉันเป็นคนชอบกินเป็ดย่าง พ่อมักจะซื้อเป็ดย่างอร่อย ๆ มาให้ลูก ๆ กินเสมอถ้าพ่อมีโอกาสได้ไปร้านที่พ่อบอกว่าเป็ดอร่อย อาหารมื้อเย็นจะอร่อยมากถ้าได้กินเป็ดย่างที่พ่อซื้อมา


วันหนึ่งเป็นวันที่ฉันต้องจำโดยไม่อยากจำ..
เช้าวันนั้น เป็นวันหยุด ลุงบุญไม่อยู่บ้านและแกก็กำลังเลี้ยงลูกไก่รุ่นใหม่แทนรุ่นเดิมที่แกเพิ่งจะขายไป
แกจึงฝากให้ฉันดูแลไก่ของแก
"ตอนเช้าปล่อยให้มันออกจากกรง ให้มันมาเดินเล่นตรงหญ้าที่มีน้ำค้างนะ ให้อาหารที่ลุงวางไว้ให้อยู่ในกล่องนี้นะ และพอสายแดดเริ่มแรงก็จับมันไว้ใส่กรง"  ลุงบุญสั่งก่อนออกจากบ้านไปทำธุระแต่เช้ามืด.....
(ยังมีต่อ...)