วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เพื่อนตาย

จิรา บ้านเดิมเป็นคนต่างจังหวัด  เธอเข้ามาเรียนต่อที่ กรุงเทพ โดยอาศัยอยู่กับอาชื่อ นิภา...จิราเล่าให้ฉันฟังเสมอ ๆ ว่าอานิภาเป็นคนเจ้าระเบียบและเป็นคนประหยัด ค่าใช้จ่ายของจิรา อานิภาจะเป็นคนดูแล การอยู่อาศัยในบ้าน อานิภาจะกำหนดเวลาเข้าออกบ้าน จนบางครั้งจิรามักจะถูกดุเสมอ เมื่อผิดเวลากลับบ้าน
           ฉันและจิราสนิทสนมกันมาก ใครเห็นฉันต้องเห็นจิรา เพื่อน ๆ บอกเราเป็นเงาต่อกัน เราพูดกันหยอกล้อกันเสมอว่า เราจะเป็นเพื่อนตายต่อกัน....ถ้าไม่มีเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นเสียก่อน ฉันและจิราอาจคบหากันทุกวันนี้....
           วันนั้นเป็นวันที่สมาคมศิษย์เก่า จัดงานการกุศลหารายได้เพื่อเป็นทุนช่วยเหลือเด็กกำพร้า ทางสมาคมศิษย์เก่า ได้จัดให้มีคอนเสริดของวงดนตรีชื่อดังวงหนึ่ง และมีภาพยนตร์ฉายอีกหนึ่งเรื่อง มีค่าบัตรในราคาที่ไม่แพง นักเรียนสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่เดือดร้อนเลย.....
            ใกล้วันงานเพียงหนึ่งวัน ฉันและจิรานัดแนะกันอย่างมั่นเหมาะ ว่าจะพบกันระหว่างทางก่อนมาที่งาน  เรามีคำสัญญาต่อกันว่า "จะคอยที่จุดนัดพบจนกว่าจะเจอกัน"
แล้ววันงานก็มาถึง....ฉัน รู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ จะได้ชมการแสดงดนตรี ซึ่งน้อยนักที่จะมีโอกาสได้ชม ..ฉันออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อจะไปพบจิราเวลา 7.00 น.  เมื่อไปถึงจุดนัดพบก็ยืนคอยจิรา นานแสนนาน จิราก็ยังไม่มา สมัยนั้นไม่มีความสะดวกในการสื่อสารเช่นทุกวันนี้  ไม่มีโทรศัพท์มือถือติดต่อกันได้...ฉันยืนคอยจิรา ที่จุดนัดพบ จนรถเมล์คันทึฉันโดยสารมา วิ่งผ่านไปกลับ 2 -3 เที่ยว สังเกตได้จากพนักงานเก็บค่าโดยสารจำฉันได้และจะมองตรงมาบริเวณที่ฉันยืนทุกครั้งที่รถเมล์คันเดิมผ่าน...
              เวลานานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่ามันนานมาก ๆ ทั้งหิวทั้งเมื่อย ทั้งกังวล เพราะการรักษาสัญญา ว่า จะคอยจนกว่าจะเจอกัน....จนในที่สุด ฉันทนไม่ไหว จึงได้นั่งรถเมล์เดินทางต่อไปที่งาน....
ที่หน้าประตูทางเข้างาน ฉันเห็นนักดนตรี นักร้อง และหลายคนขนเครื่องดนตรี เดินออกมาจากห้องที่จัดงาน  นี่เขาเลิกแสดงกันแล้วเหรอ....
             ฉันเดินเข้าไปข้างในซึ่งเป็นโรงหนัง มืดมาก เขากำลังดูหนังกันอย่างสนุกสนาน ฉันเดินไปยังที่นั่ง  นึกเป็นห่วงจิรา ว่าทำไม ไม่มาตามนัด หรือ เธอป่วยเป็นอะไรไปหรือเปล่า...
ที่นั่งใกล้ ๆ ฉันไม่ใช่จิรา แต่เป็นใครที่ฉันไม่รู้จัก....ใจฉันสับสนไปหมด เป็นห่วงจิรา ว่าเธอเป็นอะไร
ได้เวลาพัก..ครี่งเวลา คนในโรงหนังพากันออกมาบ้าง มีการเดินกันบ้างภายใน  ไฟสว่างขึ้นฉันมอง
หาจิรา  ว่าเธอจะนั่งอยู่ที่ใด หรือไม่
แล้วฉันได้เห็นจิรา นั่งคลอเคลียกับหนุ่มหนึ่ง...ข้างหน้าฉันไกลออกไปประมาณ 5 แถว 
อ้าว...นั่นไงจิรา เธอมานี่นา แล้วทำไมไม่เจอฉันและทำไมนั่งห่างฉัน ฉันพลาดการชมดนตรี จิราไม่มาตามนัด ปล่อยให้ฉันยืนคอย วันนั้นฉันดูหนังไม่รู้เรื่อง และจำไม่ได้ว่าดูหนังชื่อเรื่องอะไร ....กลับบ้านและหมดคำถามสำหรับจิรา.....

รุ่งขึ้นเป็นวันเปิดเรียน ฉันไปที่โรงอาหารที่มักจะเป็นที่ชุมนุมของพวกเรา ก่อนเข้าห้องเรียน ฉันซื้ออาหารมากิน ในกลุ่มเพื่อนหลายคน...สักครู่จิราเดินมาหาฉันเรียกฉัน  แต่ฉันไม่ได้สนใจอะไร นั่งกินอาหารจนหมด ไม่ได้สนใจว่าจิราพูดอะไร  แค่รู้สึกว่า หูอื้อ ตาลาย ตาขุ่นมัวและมีน้ำอุ่นไหลออกมาจากตา... เมื่อจิราผ่านไปแล้วเพี่อนในกลุ่ม พากันพูดกับฉันหลายคน "จิราคบไม่ได้ เห็นแก่ตัว อยากบอกเธอนานแล้ว..พอมีผู้ชายควงลืมเพือน .วันมีงาน จิราแต่งตัวสวยมาก เป็นสาวเชียวแต่งหน้าทาปาก ทำผม ควงหนุ่มไปดูการแสดงดนตรีและดูหนัง เจอเพื่อนหลายคนและพาหนุ่มเดินผ่านเพื่อนไปมา  สดใสร่าเริงทั้งคู่ พวกฉันถามถึงเธอ แต่จิราไม่ตอบได้แต่ยิ้มมุมปาก และหัวเราะ..."  คำที่ฉันได้ยิน มันทำให้ฉันรู้สึกหน้าชาอย่างบอกไม่ถูก
  
          ฉันไม่ได้สนใจที่จะคุยกับจิราอีก ฉันพยายามลืมว่าจิราเคยมาปรับทุกข์กับฉันเรื่องอา นิภา
จิราเคยถามการบ้านฉัน เคยปรึกษาเรื่องเรียนด้วยกัน เคยแบ่งปันกันกินขนม และเคยเดินกลับบ้านพร้อมกัน ....
มันผ่านไปเร็วมาก จนเราเรียนจบและแยกย้ายกันไป ตามวิธีของตัวเอง.....ฉันได้งานทำแล้ว...
จากปีเป็น... หลายปีและวันหนึ่งก็มาถึง....วันที่ฉันได้พบกับจิราอีกครั้ง..
จิรามาพบกับฉันที่ทำงานโดยบังเอิญ เธอมาติดต่อราชการ ได้ทักทายจิราสักครู่เราก็แยกกันไป....
พอตกบ่าย จิรามาหาฉันที่ทำงานอีกครั้ง ฉันแปลกใจว่าเธอมาทำไม ก็เพิ่งเจอกันนี่นา...
       "ฉันไปหาหมอ ตรวจมะเร็ง หมอบอกผลการตรวจมีก้อนเนื้อ จะร้ายหรือไม่ ต้องตัดออกมาตรวจก่อน แต่ฉันไม่ได้เตรียมเงินมา จะมาขอยืมเงินเธอหน่อยนะ  แล้ว สัปดาห์หน้าจะมาคืนให้....." จิราพูดอ้อน ๆ
ฉันมองหน้าจิรา  แล้วทุกอย่างที่อยู่ในใจมาเนิ่นนานแบบลึก ๆ ก็ทำให้ฉันได้สติ "ฉันให้เธอไม่ได้ แต่ฉันเห็นใจเธอนะ  แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะต้องตัดสินใจวันนี้ เธอไปบอกหมอ ว่าเธอจะมาอีก พรุ่งนี้ ให้เธอเตรียมเงินมาให้พร้อม ดีกว่านะ... ฉันต้องรีบไปทำงานนะ มีประชุม" และฉันก็เดินจากไป.....ไม่ได้หันมามองจิราอีกเลย.....
       กลับถึงบ้านฉันก็ได้คิดทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง ฉันเคยรักจิรามาก  ฉันจะเอาขนมที่แม่ทำไปฝากจิราเสมอ  เราคุยกันได้ทุกเรื่อง  ฉันเคยให้ความรู้สึกที่ดีต่อเธอจนหมดใจและไม่มีเหลือให้เธออีก
และฉันไม่มีเวลาคอยเธออีกแล้ว

       มีคนเคยบอกด้วยคำพูดแบบทวนกระแสว่า มีเพื่อนกินดีกว่า มีเพื่อนตาย  ให้เจอเพื่อนแล้วชวนกันกินอาหารหรือพูดคุยกันให้สนุกสนานดีกว่า....ที่จะได้รับรู้ข่าวเพื่อนที่มักจะตาย ๆ กันจวนจะหมดแล้ว.......
      
       วันที่ฉันจะได้ชมการแสดงดนตรีและฟังการร้องเพลงจากนักร้องวงดังที่สุดในขณะนั้นพลาดไป การรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ การตื้นเต้นที่จะได้ชม การรอคอยเธอ ด้วยความห่วงใย ...ด้วยคำพูดคำสัญญาที่มีต่อกัน เราจะเป็นเพื่อนตายต่อกัน คำว่า "จะคอยที่จุดนัดพบจนกว่าจะเจอกัน" ..........จากวันเคยคอย จนถึงวันนี้ วันที่ไม่ต้องคอย ฉันได้พบเธอแล้ว.....

        จิราเธอเป็นเพื่อนตายของฉัน เพื่อนที่ตายไปจากความรู้สึกฉัน นานแล้ว......